คะแนนสอบภาคปฏิบัติ รุ่น 40 เปลี่ยนเป็นอัตนัย 70 ปรนัย 30 หรือไม่ ?

เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ส.ค.56 อ.เป้ ตรวจสอบพบว่าสภาทนายความประกาศทางเฟสบุ๊คว่า คะแนนสอบภาคปฏิบัติ รุ่น 40 จะแบ่งเป็นอัตนัย 70 ปรนัย 30 (จากเดิม 80/20) โดยอ.เป้ขอตรวจสอบก่อนว่าเปลี่ยนแปลงจริงหรือเจ้าหน้าที่พิมพ์ผิด

ต่อมาวันที่ 13 ส.ค.56 ตอนเช้า อ.เป้โทรแจ้งสภาฯเรื่องคะแนนสอบภาคปฏิบัติ รุ่น 40 ที่ลงประกาศไว้ว่ามี 2 ส่วน คือ อัตนัย 70 ปรนัย 30 และทางเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบก่อน?ขณะนี้สภาฯแก้ไขคะแนนสอบภาคปฏิบัติ รุ่น 40 และผู้รักษาสถานภาพเป็นอัตนัย 80 ปรนัย 20 ตามเดิมแล้วครับ?ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบครับ

สอบถาม/สมัครติวโทร 086-987-5678

คลิ้ก Like / Share / Tag ให้เพื่อนๆทราบด้วยนะครับ

ดาว์นโหลด : กำหนดการสอบ แผนผังที่นั่งสอบ และระเบียบการสอบภาคปฏิบัติ รุ่น 40 และผู้รักษาสถานภาพ > ลิ้งค์ที่ 1 l ลิ้งค์ที่ 2

************************

อ่านต่อ

“ต่อ” รับเนติฯสมัย 65

25560806-102327.jpg

วันนี้ (6ส.ค.56) อ.เป้มาร่วมแสดงความยินดีกับ “ต่อ” น้องชายอ.ตูน ปัจจุบันเป็นผู้จัดการที่สมาร์ทลอว์ติวเตอร์

อยากให้นักเรียนที่กำลังล้มเหลวดูต่อเป็นตัวอย่าง ต่อเคยไม่ตั้งใจเรียนและเกเรแบบเฉียดเป็น เฉียดตาย เฉียดคุก เฉียดตาราง เพราะคบเพื่อนไม่ดี แต่ด้วยความอบอุ่นในครอบครัวทำให้ต่อสามารถกลับตัวกลับใจมาตั้งใจเรียนได้

จากที่เคยเรียนนิติศาสตร์ ม.หอการค้าไทย เกรดเฉลี่ย 1กว่าๆจนเกือบถูกรีไทร์ กลับมาตั้งใจเรียนจนได้ A เกือบทุกวิชา บางเทอมได้เกรดเฉลี่ย 4.00 สามารถสอบได้ทั้งเนติบัณฑิตไทยและใบอนุญาตให้เป็นทนายความ

เป้าหมายต่อไปคือ ป.โทและสอบผู้ช่วยฯ พร้อมๆกับช่วยอ.เป้และอ.ตูนดูแลสมาร์ทลอว์ติวเตอร์

ขอให้นักเรียนทุกคนรู้ไว้ว่า อดีตที่ล้มเหลวสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อใดกลับใจมาคิดดี ทำดี พูดดี ปัจจุบันของเราจะดีขึ้นและอนาคตของเราย่อมจะดีขึ้นตามไปด้วย

ขอแสดงความยินดีกับต่อและเนติบัณฑิตไทยสมัยที่ 65 ทุกคนครับ

ช่วยกันคลิ้ก Like แสดงความยินดีกับต่อด้วยนะครับ

อ่านต่อ

ข้อสอบตั๋วปี 1/56

ข้อสอบตั๋วปี 1/56

 

อาจารย์เป้

 

ข้อเท็จจริง(โดยย่อ)

น.ส.สดสวย สาวเสมอ เป็นนางงามของเมืองขุขันธ์ ได้ตำแหน่งนางงามขุขันธ์เมื่อปี 2554 ได้มาพบท่าน ทนายโรมรัน ต่อทุกทิศ เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2556 หนังสือพิมพ์รายวันมติทาน ของบริษัท มติทาน จำกัด ในนามนายพร้อมรัก พักทุกตอน กรรมการผู้จัดการ มีนายรักษ์พงษ์ เป็นบรรณาธิการ และนายรักชาติ เป็นผู้เขียนข่าว ได้ตีพิมพ์ข้อความในหนังสือพิมพ์รายวันดังกล่าว ในเนื้อความข่าวว่า “ขนาดนางงาม ชื่อเล่น ปู ยอมแก้ผ้า 10 ล้าน” ซึ่งถ้าประชาชนอ่าน จะทำให้ถูกดูถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ว่าไม่มีทางทำมาหากินต้องแก้ผ้าเลี้ยงชีวิต

วันที่ 11 ก.พ. 56 ทนายความทำหนังสือบอกกล่าวทวงถาม เรียกผู้ต้องรับผิดทุกคนให้ชำระค่าเสียหาย 1ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยและ ให้ลงโฆษณาแก้ข่าวในหนังสือพิมพ์มติทาน ไทยรัฐ เดลินิวส์ และสื่อท้องถิ่นของเมืองขุขันธ์เป็นจำนวน 7 วันติดต่อกัน ทุกคนได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถามแล้วเพิกเฉย ท่านจึงนำคดีแพ่งมาฟ้องต่อศาลแพ่ง และฟ้องเป็นคดีอาญาต่อศาลแขวงพระนครเหนือด้วย

โดยได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งต่อศาลในวันที่ 2 มี.ค.56 เป็น คดีดำเลขที่ 111/2555 (ส่วนคดีอาญา ข้อเท็จจริงมิได้ระบุคดีหมายเลขดำมาให้)

ต่อมา ในวันที่ 19 มี.ค. 56 จำเลยได้ขอทำยอมต่อหน้าศาล ขอชำระเงิน 800,000 บาท และประกาศหนังสือพิมพ์ ตามที่โจทก์ขอ 7 วัน แต่จำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลพิพากษาตามยอมเป็นคดีแดงเลขที่ 222/2556 โจทก์จึงทำคำร้องต่อศาลให้ออกหมายบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามโจทก์จึงลงโฆษณาแก้ข่าวเองเสียค่าใช้จ่าย 150,000 บาท

 

คำสั่ง

– คำฟ้องและคำขอท้ายคำฟ้องคดีแพ่ง 30 คะแนน
– คำฟ้องและคำขอท้ายคำฟ้องคดีอาญา 12 คะแนน
– คำร้องขอปิดหมาย 5 คะแนน (ชื่อที่ถูกต้องคือ คำแถลงขอปิดหมาย)
– คำร้องขอออกหมายบังคับคดี 5 คะแนน (ชื่อที่ถูกต้องคือ คำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี)
– หนังสือบอกกล่าวทวงถาม 8 คะแนน
– สัญญาประนีประนอมยอมความในศาล 10 คะแนน

 

แนวคำตอบคำฟ้องแพ่ง

ข้อหา : ละเมิดต่อชื่อเสียง

คู่ความ :

โจทก์ > นางสาวสดสวย สาวเสมอ

จำเลยที่ 1 > นายรักชาติ

จำเลยที่ 2 > นายรักพงษ์

จำเลยที่ 3 > บจก.มติทาน

ค่าเสียหายและดอกเบี้ย

A. ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหายต่อชื่อเสียง 1,000,000บาท

ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันลงโฆษณาแก้ข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันฯเป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันออกค่าใช้จ่าย หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตาม ให้โจทก์ดำเนินการแทน โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันออกค่าใช้จ่าย

B. ดอกเบี้ยก่อนฟ้องในส่วนของค่าเสียหายต่อชื่อเสียงคิดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงิน 1,000,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. 2556 ซึ่งเป็นวันตีพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์อันเป็นวันทำละเมิด คิดถึงวันฟ้อง (2 มี.ค.56) เป็นเวลา 1 เดือน 4 วัน โดยโจทก์ขอคิดเป็นเวลา 1 เดือน คิดเป็นเงิน 6,250บาท

C. ทุนทรัพย์ 1,006,250 บาท

D. ดอกเบี้ยหลังฟ้องในส่วนของค่าเสียหายต่อชื่อเสียงคิดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น 1,000,000 บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสามจะร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินแก่โจทก์ครบถ้วน

 

ฎ.1712/2551 จำเลยที่ 3 เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ต้องรับผิดชอบในข้อความหรือสิ่งอื่นใดที่ตนคัดเลือกนำมาลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ทั้งหมด จะอ้างว่าโดยปกติตนจะตรวจข่าวในกรอบพาดหัวหน้า 1 เป็นหลัก ข่าวในส่วนปลีกย่อยจะไม่ให้ความสนใจนั้นไม่ได้ เมื่อข้อความหรือสิ่งอื่นใดที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดก็จะต้องรับผิดเพราะตนเป็นผู้จัดการไขข่าวให้แพร่หลาย ส่วนจำเลยที่ 1 (บมจ.) เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในการทำละเมิดของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในทางการที่จ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 ด้วย

 

แนวคำตอบคำฟ้องอาญา

ข้อหา : หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

คู่ความ :

โจทก์ > นางสาวสดสวย สาวเสมอ

จำเลย > นายรักชาติ

คำขอท้ายคำฟ้องอาญา

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328,332

ให้จำเลยโฆษณาผลของคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์

ฎ.6268/2550 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ซึ่งลงข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการโฆษณาตาม ป.อ. มาตรา 326, 328 พ.ร.บ.การพิมพ์ฯ มาตรา 48 แต่ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มี พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ฯ มาตรา 3 ให้ยกเลิก พ.ร.บ.การพิมพ์ฯ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2550 เป็นต้นไป และ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ฯ ไม่ได้บัญญัติให้บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เป็นผู้รับผิดชอบในข้อความที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ที่ตนเป็นบรรณาธิการ ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดอีกต่อไป จำเลยย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง

ฎ.3/2542?ข้อความที่จำเลยที่ 1 ลงพิมพ์โฆษณาว่าโจทก์เรียกเงิน 5 ล้าน ในการถ่ายภาพนู้ด นั้น จำเลยที่ 1 มิได้อ้างถึงข้อความ จริงอันใดเลยในการแสดงความคิดเห็นเช่นนั้น ทั้งไม่มีข้อความ ที่แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ที่จะปกป้องโจทก์ แต่กลับ เป็นการแสดงเจตนาชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 1 มุ่งประสงค์ใส่ความ เพื่อทำลายชื่อเสียงของโจทก์ ทำให้ผู้ที่ไม่ทราบความจริง เข้าใจผิด ดูหมิ่น เกลียดชังโจทก์ อันส่งผลกระทบต่อเกียรติยศและสถานะในทางสังคมของโจทก์หาใช่เป็นการติ ชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำไม่ จึงเป็นการใส่ความ หมิ่นประมาทโจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับการยกเว้นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 การที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 332 กำหนดให้คดี หมิ่นประมาทซึ่งมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ศาลอาจสั่ง (2) ให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมด หรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์ หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จำเลย เป็นผู้ชำระค่าโฆษณานั้นเป็นการให้อำนาจศาลสั่งให้โฆษณา คำพิพากษาเท่านั้น มิได้มีกฎหมายให้อำนาจศาลสั่งให้โฆษณา คำขออภัยด้วย ฉะนั้น การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยที่ 1 โฆษณาคำขออภัยด้วย จึงเป็นการลงโทษจำเลยที่ 1 นอกเหนือจากโทษ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง ทั้งการที่สั่งให้จำเลยที่ 1 โฆษณาคำพิพากษา ของศาลทั้งหมดนั้นก็เกินความจำเป็น สมควรให้จำเลยที่ 1 โฆษณาคำพิพากษาของศาลโดยย่อพอได้ใจความ โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่า บริษัท ข.จำเลยที่ 2 เป็นผู้ใส่ความโจทก์หรือมีส่วนร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการกระทำ ความผิดหรือรู้ว่าข้อความที่ตีพิมพ์เป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ ดังนั้น ลำพังแต่เพียงได้ความว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของและ จำหน่ายหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวให้แก่ประชาชนทั่วไป จึงไม่พอรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1

หมายเหตุ : ผู้เขียนทำแนวคำตอบจากข้อเท็จจริงที่นักเรียนส่งมาให้ หากข้อเท็จจริงไม่ตรงกับข้อสอบอาจทำให้แนวคำตอบนี้เปลี่ยนแปลงไป

*************************************************

อ่านต่อ