อ.เป้ & อ.ตูน แสดงความยินดีกับนักเรียนที่สอบผ่านได้เป็นทนายความ รุ่น 39 ครับ

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2556 อ.เป้ & อ.ตูน ไปถ่ายรูปร่วมแสดงความยินดีกับนักเรียนที่สอบผ่านภาคปฏิบัติ รุ่น 39 ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ เมืองทองธานี หวังว่าเราจะได้ถ่ายรูปร่วมกันในรุ่นต่อไปนะครับ (^.^) ดูรูปเพิ่มเติมคลิ้กที่นี่ครับ

อ่านต่อ

อานาปานสติ

สมาธิเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการเรียนและการทำงาน

 

ลองสังเกตดูว่า ในขณะเรียนหรือขณะทำงานเราได้มุ่งความสนใจให้อยู่กับการเรียนหรือการทำงานที่อยู่ตรงหน้าหรือไม่

 

ถ้าในขณะเรียนหรือในขณะทำงานเรามุ่งความสนใจไปกับเรื่องอื่น เช่น คิดเรื่องส่วนตัว แชทกับเพื่อน เล่นเกมส์ แบบนี้คือ “ขาดสมาธิ”

 

เสียงที่อาจารย์สอนขณะนั้น เราอาจจะได้ยิน แต่เนื่องจากเราไม่มีสมาธิตั้งใจฟังทำให้เราไม่เข้าใจหรือจดจำถ้อยคำเหล่านั้นไม่ได้

 

งานที่นายจ้างหรือหัวหน้ามอบหมายมาเราอาจเข้าใจผิดและทำผิดพลาด เป็นต้น

 

ดังนั้น ผมจึงขอแนะนำให้ทุกคนฝึกสมาธิเพื่อการเรียนและการทำงานที่ดีขึ้น

 

วิธีฝึกสมาธิที่ง่ายและได้ผลมากที่สุดก็คือ “อานาปานสติ” หรือ การรู้ลมหายใจเข้าออก นั่นเอง

 

อานาปานสติแบบเบื้องต้นมีวิธีฝึกง่ายๆดังนี้ครับ

 

1.หาห้องว่างที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ปิดเสียงโทรศัพท์ ไม่มีเสียงอื่นใดรบกวน ไม่มีลมสัมผัสผิวกาย เพราะเสียงและลมเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฝึกสมาธิ

 

ในห้องนี้จะเป็นห้องพระหรือมีพระพุทธรูปอยู่ในห้องหรือไม่ก็ได้

 

2.นั่งขัดสมาธิกับพื้นฐาน ขาไหนทับขาไหนก็ได้ จะปูผ้าเพื่อความสบายในการนั่งด้วยก็ได้ (ถ้าขาไม่ดีหรืองอไม่ได้จะนั่งบนเก้าอี้ก็ได้) มือวางซ้อนกันบนตักจะข้างไหนทับข้างไหนก็ได้ หลับตา ไม่เคลื่อนไหวร่างกาย เสื้อผ้าจะใส่สีอะไรก็ได้ ขาวก็ได้ ดำก็ได้

 

3.กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกตามธรรมชาติ กล่าวคือ หายใจเข้าก็รู้ว่าหายใจเข้า หายใจออกก็รู้ว่าหายใจออก ไปเรื่อยๆ

 

4.ในระหว่างการนั่งสมาธิ ถ้าจิตไปคิดเรื่องอื่น เช่น เรื่องอดีต เรื่องอนาคต เรื่องความโกรธแค้นพยาบาท เรื่องลามก ลังเลสงสัยว่านั่งทำอะไรอยู่ ง่วงนอน ปวดเมื่อย คัน เหน็บชา ให้ดึงจิตกลับมารับรู้ลมหายใจให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ถ้าจะให้ดีควรฝึกสังเกตการเกิดและการดับของอาการเหล่านี้ด้วย)

 

5.ระยะเวลาฝึก สำหรับผู้เริ่มต้นอาจจำเป็นต้องใช้นาฬิกาหรือมือถือจับเวลาช่วย โดยเริ่มต้นจาก 5 นาที 10 นาที 15 นาที ตามลำดับ และต้องสัญญากับตัวเองว่า ตราบใดที่เสียงนาฬิกายังไม่เตือนจะไม่ลืมตาเด็ดขาด

 

สำหรับผู้ฝึกเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องจับเวลาครับเพราะเราฝึกเพื่อให้มีสมาธิและมีสติมิใช่ฝึกเพื่อเอา Time Record

 

6.เมื่อครบกำหนดเวลาหรือฝึกจนพอใจแล้วก็ให้กำหนดรู้ว่ากำลังจะออกจากสมาธิ แล้วค่อยๆลืมตา

 

ขั้นตอนหลักในการฝึกสมาธิด้วยอานาปานสติมีอยู่ 6 ขั้นตอนดังกล่าวนี้ครับ ถ้าเป็นไปได้ควรฝึกทุกวัน จะเป็นช่วงเวลาไหนก็ได้ เช้าก็ได้ กลางวันก็ได้ ตอนเย็นก็ได้ ก่อนนอนก็ได้ ตามที่เราสะดวกครับ

 

สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกสมาธิเพื่อให้ได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้น ผมมีคำแนะนำเพิ่มเติมดังนี้

 

7.เมื่อออกจากสมาธิแล้ว ให้แผ่เมตตาถึงบรรพบุรุษ สรรพสัตว์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรขอให้เขาอโหสิกรรม ให้อภัยหรือขออโหสิกรรมกับผู้ที่เคยทำไม่ดีกับเรา

 

8.กำหนดสติรู้ลมหายใจเข้าออกตลอดวัน ยืนก็รู้ว่ายืน เดินก็รู้ว่าเดิน นั่งก็รู้ว่านั่ง เรียนก็รู้ว่าเรียน ทำงานก็รู้ว่าทำงาน คิดก็รู้ว่าคิด เป็นต้น

 

เมื่อมีสมาธิดีขึ้น ต่อไปเราจะรู้ทันอารมณ์ตัวเองครับ เช่น โกรธก็รู้ว่าโกรธและจะสามารถระงับการแสดงออกหรือการพูดขณะโกรธได้ครับ

 

9.ตั้งใจรักษาศีลห้า แรกๆอาจเริ่มต้นจากสัปดาห์ละ 1 วัน แล้วค่อยเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่สามารถรักษาศีลห้าได้ทุกวันตามปกติ

 

ถ้ารักษาศีลห้าได้ชีวิตจะมีความสุขมากขึ้นและประสบความสำเร็จในการเรียนและการทำงานอย่างยั่งยืน

 

เพื่อให้เป็นรูปธรรมลองพิจารณาโทษของการไม่รักษาศีลห้าแต่ละข้อดูครับ นอกจากทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้ว เราเองจะไม่สบายใจเช่นกัน รายละเอียดของการรักษาศีลห้าจะขอกล่าวในบทความอื่นต่อไป

 

อดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างไรไม่สำคัญ ถ้าต้องการมีอนาคตที่ดี มีความสุข มีความสำเร็จ ต้องเริ่มต้นจากการทำสิ่งที่ดีและถูกต้องในปัจจุบันคือ “ฝึกอานาปานสติและรักษาศีลห้า”

 

ช่วยกันคลิ้ก Like หรือ Share หรือ Tag ให้เพื่อนของคุณได้มีโอกาสอ่านด้วยนะครับ

 

ขอบคุณที่ติดตามครับ

อ่านต่อ

อยู่ต่างจังหวัดมาเรียนไม่ได้ ลองข้อความของนักเรียนคนนี้ครับ

นักเรียนคนนี้อยู่ “ต่างประเทศ” ยังตั้งใจบินกลับเมืองไทยมาเรียนกับผม ผมเชื่อว่า “คนที่ตั้งใจจริงย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จเสมอ” ครับ

สำหรับนักเรียนที่บอกว่าไม่มีเวลา คำแนะนำเดียวคือบริหารเวลาครับ

สำหรับนักเรียนที่บอกว่าอยู่ต่างจังหวัด คำแนะนำเดียวคือให้เดินทางมาเรียนที่กทม.ครับ

คิดง่ายๆว่า “เราจะเดินออกไปหาความสำเร็จหรือจะรอให้ความสำเร็จเดินมาหาให้เราที่บ้าน”

เป็นกำลังใจให้กับทุกคนและขอบคุณที่ติดตามครับ (^.^)

***************************

อ่านต่อ

มล.เฉลิมชัย (หม่อมพี่) ถึงแก่อนิจกรรม

เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย.56 ประมาณ 7 โมงเช้า ลุงหม่อม (ม.ล.เฉลิมชัย หรือหม่อมพี่) ได้โทรมาหาอ.ตูน และอ.ตูนได้โทรติดต่อกลับไปหาท่านประมาณ 9 โมงเช้า

 

ลุงหม่อมเล่าให้อ.ตูนฟังว่าท้องอืดไม่ค่อยสบาย อยากไปกินข้าวด้วยแต่คงไปไม่ได้แล้ว และกำชับว่าไม่ให้อ.ตูนบอกใครว่าลุงหม่อมไม่ค่อยสบาย

 

พอผมได้ฟังผมจึงกำชับให้อ.ตูนและต่อ (น้องชายอ.ตูน) ไปเยี่ยมลุงหม่อมโดยด่วนที่สุด

 

วันนี้อ.ตูน คุณพ่อ และคุณแม่ ไปเยี่ยมลุงหม่อมที่บ้าน พยายามพาท่านไปโรงพยาบาล แต่ท่านไม่ยอมไปบอกว่ามีนัดหมอในวันพรุ่งนี้แล้ว

 

บนโต๊ะของลุงหม่อมมีกองหนังสือซึ่งเป็นงานที่เนติฯวางคู่กับโทรศัพท์สามเครื่อง

 

ลุงหม่อมได้โทรติดต่อเรื่องงานขอเลื่อนนัดต่างๆในวันพรุ่งนี้บอกว่ามีธุระสำคัญและโทรหาคนที่ท่านรัก ท่านเป็นห่วงเรื่องการสอนและงานที่เนติฯมาก ห่วงว่าจะสอนไม่ไหวแล้ว

 

หลังจากอ.ตูน คุณพ่อ และคุณแม่ ออกจากบ้านลุงหม่อมได้ไม่นาน ก็ได้รับโทรศัพท์ว่าลุงหม่อมล้มในห้องน้ำเสียชีวิตแล้ว

 

โพสต์นี้ อยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าลุงหม่อมรักการสอนมาก รักนักเรียนมาก แม้วาระสุดท้ายที่ร่างกายของท่านใกล้จะแตกดับต้องทนทุกขเวทนาจากอาการเจ็บป่วยเป็นอย่างมาก มากถึงขนาดว่าไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ ท่านก็ยังพยายามที่จะไปสอนนักเรียนที่เนติฯให้ได้

 

ขอให้นักเรียนระลึกถึงท่านให้มาก เพราะจะมีครูสักกี่คนที่รักการสอนและรักนักเรียนมากขนาดนี้

 

ขอให้ลุงหม่อมได้ไปสู่สุคติภูมิครับ

 

รักและเคารพ / อ.เป้

 

*************

อ่านต่อ