ข้อสอบตั๋วปี 1/54

เฉลยข้อสอบ ตั๋วปี 1/54

อ.เป้ สิททิกรณ์

> ข้อเท็จจริง

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 ?นายรวย แสนขสุขให้? นายหนึ่ง? มกรา กู้เงิน จำนวน 3,000,000 บาท เพื่อนำมาใช้ประกอบธุรกิจส่วนตัว??กำหนดชำระเงินต้นวันที่ 31 ธ.ค. 2553 ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ตกลงผ่อนชำระดอกเบี้ยทุกวันสิ้นเดือน ในการทำสัญญาเงินกู้ นายสอง มกรา ทำสัญญาค้ำประกัน เพื่อประกันหนี้เงินกู้ของนายหนึ่ง มกรา โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม?? นอกจากนี้ นายหนึ่ง มกรา ได้นำที่ดิน โฉนดที่ดินเลขที่ 111 เลขที่ดิน 11 ตำบลสีลม อำเภอบางรัก พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น เลขที่ 22 ถนนเจริญกรุงซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ นายหนึ่ง มกรา ?ต่อมานายหนึ่ง มกรา? ได้แต่งงานและจดทะเบียน กับนางจันทร์ มกรา เมื่อปี ?2540? ?ในการจดทะเบียนจำนองประกันหนี้ตามสัญญากู้ยืมดังกล่าวนายจันทร์ ได้ให้ความยินยอมแนบท้ายสัญญาเงินกู้ดังกล่าว ?นางจันทร์ มกรา ซึ่งเป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของนายหนึ่ง มกรา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงินและให้ความยินยอมในสัญญาจำนองโดยมีข้อสัญญา ? ?ต่อมานายหนึ่ง มกรา ชำระเฉพาะดอกเบี้ยทุกเดือน จนถึงงวดเดือน 31 ธันวาคม 2553 และไม่ชำระหนี้เงินต้นตามสัญญา

วันที่ 25 เมษายน 2553 นายสี่ เมษาได้เล่าให้นายรวย แสนสุข ว่าตนเดินผ่านหน้าบ้านนายหนึ่ง มกรา เห็นนายห้า พฤษภา คุยอยู่กับนาย หนึ่ง มกรา จึงเดินเข้าไปทักทาย นายหนึ่ง มกรา ได้บอกกับคนทั้งสองว่า??ไอ้รวย แสนสุขมันหน้าเลือดขูดรีดคนจน มันออกเงินกู้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือน เมื่อปีที่แล้วมันคิดกูร้อยละ 12 ต่อเดือน แล้วตามทวงทุกวัน อย่าไปคบหากับมัน? ?นายสี่มาเล่าให้นายรวย แสนสุข ฟังก็เลยอธิบายไปว่าไม่เคยคิดดอกแพงขนาดนั้น นี่ให้กู้ไปตั้งนานแล้วนายหนึ่งก็ยังไม่นำเงินมาคืนเลย

วันที่ 5 พฤษภาคม 2554 ท่านจึงทำหนังสือให้คำปรึกษาทางกฏหมายให้กับนายรวย แสนสุขในส่วนสิทธิในการได้รับชำระหนี้และการบังคับจำนองเพื่อประกอบการตัดสินใจในการฟ้องคดี

วันที่ 6 พฤษภาคม 2554 ท่านได้ทำหนังสือบอกกล่าวทวงถามและไถ่ถอนจำนองให้แก่ผู้ที่ต้องรับผิดร่วมกันทุกคนในหนังสือฉบับเดียวกันโดยให้มาดำเนินการดังกล่าวภายใน 15 วันแต่ทุกคนได้รับแล้วเพิกเฉย

วันที่ 31 พฤษภาคม 2554 ท่านได้ยื่นฟ้องเป็นคดีแพ่งเป็นคดีดำเลขที่ ??123/2554??.ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และได้ยื่นฟ้องนายหนึ่ง มกราเป็นคดีอาญาที่ศาลแขวงพระโขนงเป็นคดีดำเลขที่? 234/2554

> คำสั่ง

ข้อ 1.หนังสือให้คำปรึกษาทางกฎหมาย 18 คะแนน
ข้อ 2. หนังสือทวงถาม (ถึงผู้ต้องรับผิดทุกคนในฉบับเดียวกัน) 10 คะแนน
ข้อ 3. คำฟ้องแพ่ง (ผิดสัญญากู้ยืมเงิน,หนี้ร่วม,ค้ำประกัน,จำนอง) 30 คะแนน
ข้อ 4. คำฟ้องอาญา (หมิ่นประมาท) 12 คะแนน

> หลักกฎหมาย

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 1490 หนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกันนั้นให้รวมถึงหนี้ที่สามี หรือภริยาก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรสดังต่อไปนี้
(1)
หนี้เกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือน และจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบ ครัว การอุปการะเลี้ยงดูตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัวและ การศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ
(2)
หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส
(3)
หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกัน
(4)
หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่ง ได้ให้สัตยาบัน

> คำพิพากษาศาลฎีกา

ฎ.5848/2550 จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อให้ความยินยอมในหนังสือให้ความยินยอม โดยระบุว่าจำเลยที่ 2 ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อและจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และกู้ยืมเงินจากโจทก์ได้โดยไม่คัดค้าน ดังนี้ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมรับรู้หนี้ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน ซึ่งจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีได้ก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวในระหว่างสมรสและจำเลยที่ 2 ได้ให้สัตยาบันในหนี้ดังกล่าวแล้ว จึงเป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490 (4) ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 จะต้องร่วมกันรับผิดใช้หนี้ดังกล่าวแก่โจทก์

ฎ.6829/2551 จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินโจทก์และทำสัญญาจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้ดังกล่าว โดยมีข้อสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองว่า หากโจทก์บังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ยินยอมรับผิดชำระหนี้ส่วนที่ขาดจนครบ จำเลยที่ 2 เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 ให้ความยินยอมในการที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินดังกล่าว เป็นการร่วมรับรู้ถึงหนี้เงินกู้ที่จำเลยที่ 1 ได้ก่อให้เกิดขึ้นและได้ให้สัตยาบันในหนี้ดังกล่าว หนี้นั้นจึงเป็นหนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1490 (4) จำเลยที่ 2 ในฐานะภริยาต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 เป็นสามีรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์ด้วย

ป.พ.พ. มาตรา 728 บัญญัติเพียงว่า ผู้รับจำนองต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรซึ่งกำหนดไว้ในคำบอกกล่าวนั้น มิได้บัญญัติบังคับว่าการบอกกล่าวบังคับจำนองต้องทำเป็นหนังสือด้วยการมอบอำนาจให้ทนายความบอกกล่าวบังคับจำนองจึงไม่จำต้องทำเป็นหนังสือตามมาตรา 798 วรรคหนึ่ง

> แนวคำตอบ

คำฟ้องแพ่ง

ข้อหา : ?ผิดสัญญากู้ยืมเงิน,จำนอง,ค้ำประกัน,หนี้ร่วม

คู่ความ : โจทก์ 1 คน คือ นายรวย แสนสุข /?จำเลย 3 คน คือ นายหนึ่ง มกรา, นางจัทร์ มกรา, นางสอง มกรา ( ภริยาต้องรับผิดด้วยเพราะเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา 1490(4) )

ทุนทรัพย์ :

A = เงินต้น 3,000,000 บาท และ ขอบังคับจำนองกับที่ดินและอาคารพาณิชย์

B = ดอกเบี้ยก่อนฟ้องคิดอัตราร้อยละ 12 ต่อปี (ตามข้อสัญญา) ของเงินต้น 3,000,000 บาท นับตั้งแต่ 31 มกราคม 2553 ถึงวันฟ้อง (31 พฤษภาคม 2554) เป็นเวลา 5 เดือน คิดเป็นเงิน 150,000 บาท

C = ทุนทรัพย์ 3,150,000 บาท

D = ดอกเบี้ยหลังฟ้องอัตราร้อยละ 12 ต่อปีของเงินต้น 3,000,000 บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสามจะร่วมกันหรือแทนกันชำระแก่โจทก์ครบถ้วน (รอฟังข้อเท็จจริงให้ครบ)

คำฟ้องอาญา

-?ข้อหา : ? ?หมิ่นประมาท ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

เทคนิคการบรรยายฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท

1. ให้เขียนข้อความที่เป็นหมิ่นประมาทในเครื่องหมาย “……………………….”

2. ต้องอธิบายความหมายของข้อความที่เป็นหมิ่นประมาท

3. ต้องบรรยายว่าข้อความนั้นไม่จริงอย่างไร

4. ต้องบรรยายว่า ข้อความนั้นทำโจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือ ถูกเกลียดชัง อย่างไร

คู่ความ : โจทก์ 1 คน คือ นายรวย แสนสุข,?จำเลย 1 คน คือ นายหนึ่ง มกรา (ผู้กระทำ)

ทุนทรัพย์ : ไม่มี (ข้อเท็จจริงมิได้กำหนดให้เรียกค่าเสียต่อชื่อเสียง)

หมายเหตุ

ถ้ามีข้อเท็จจริงส่วนใดขาดตกบกพร่องหรือมีข้อผิดพลาดช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ เพราะอาจจะทำให้ผลของการวินิจฉัยข้อกฎหมายเปลี่ยนแปลงไป

*****************************************

Write a comment